
1. ประกันชีวิตช่วยสร้างหลักประกันและความมั่นคงให้แก่ผู้เอาประกันภัยและครอบครัว อาทิ หากผู้นำครอบครัวทำประกันชีวิตไว้แล้วเกิดเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร เงินประกันชีวิตที่ได้รับจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของครอบครัว ได้ระยะหนึ่ง หรือหากทำประกันชีวิตเพื่อการศึกษาของลูกไว้ ลูกก็จะมีเงินใช้จ่ายเพื่อการศึกษาได้ต่อไป เป็นต้น
2. ประกันชีวิตช่วยให้เกิดการออมทรัพย์อย่างมีวินัยและต่อเนื่อง เพราะการประกันชีวิตเป็นสัญญาระยะยาว และผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเงินเบี้ยประกันภัยเป็นรายงวด บางรูปแบบของการประกันชีวิตจะมีส่วนของการออมทรัพย์อยู่ด้วย แต่จะไม่เหมือนกับการฝากเงินไว้กับธนาคาร เนื่องจากการทำประกันชีวิตเป็นการซื้อความคุ้มครองเป็นหลัก ดังนั้นหากมีการยกเลิกกรมธรรม์ในปีใดก็ตาม ระหว่างอายุสัญญา เงินที่ผู้เอาประกันภัยได้รับคืนจะไม่เท่ากับจำนวนเงินเบี้ยประกันภัยที่ จ่ายให้บริษัทเพราะส่วนหนึ่งต้องจ่ายเป็นเงินค่าซื้อความคุ้มครอง ส่วนดีก็คือ หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ผู้รับประโยชน์จะได้รับเงินผลประโยชน์ตามจำนวนเงินเอาประกันภัย ซึ่งมากกว่าจำนวนเบี้ยประกันภัยที่จ่ายบริษัทไปแล้ว
3. การประกันชีวิตเป็นการระดมเงินทุนในรูปของเบี้ยประกันชีวิต ซึ่งบริษัทสามารถนำไปลงทุนประกอบธุรกิจอื่นได้ตามที่กฏหมายกำหนด ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงิน การจ้างงาน และนำมาซึ่งการพัฒนาประเทศ นอกจากนั้นผู้เอาประกันภัยยังสามารถนำเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาเอาประกันภัยไม่ต่ำกว่า 10 ปี ไปหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ไม่เกิน 100,000 บาท
เห็นไหมครับว่า ประกันชีวิตนั้นมีประโยชน์มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคุ้มครอง บรรเทาความเดือดร้อนให้คนข้างหลัง เป็นการสร้างวินัยในการออม และทั้งยังเป็นการระดมทุนช่วยชาติอีกด้วย ซึ่งได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่องเลย ฉะนั้นอย่ารอช้า ถ้ามีตัวแทนมาเสนอขายก็รับฟัง หากมีข้อสงสัยก็สอบถามตัวแทนที่มาเสนอขายได้เลย ถ้าเขามืออาชีพจริงคงจะให้ความกระจ่างแก่ทุกๆท่านได้
ที่มา: สมาคมประกันชีวิตไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น