วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของน้ำพรุนสกัดเข้มข้น

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีอาหารเสริมมากมายหลายยี่ห้อหันมาผลิตน้ำลูกพรุนสกัดเข้มข้มมาจำหน่ายให้เราท่านได้บริโภคกัน ซึ่งบริษัทใหญ่ๆเหล่านี้มักจะมีทีมวิจัยที่เข้มแข็ง มีข้อมูลเกี่ยวกับลูกพรุนมากมาย เรามาติดตามกันเลยดีกว่าว่า ประโยชน์ของลูกพรุน ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ส่วนประกอบที่มีคุณประโยชน์ของ พรุน สกัดเข้มข้น (ลูกพรุน)
- วิตามิน บี2 (Ascorbic Acid) ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด, กระบวนการสร้าง, ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์, เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการมอง ผิวหนัง เล็บ และผม
- วิตามิน ซี (Ascorbic Acid) สารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) เป็นส่วนประกอบพิเศษที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย เมื่อเซลล์ถูกทำลายโอกาสในการเป็นมะเร็งก็มีสูงขึ้น วิตามิน ซี มีคุณสมบัติเป็น สารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นการที่พรุนมี Anti-oxidant ในปริมาณสูงจะช่วยทำให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดง ช่วยให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น
- วิตามิน อี เป็น Anti-oxidant ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของออกซิเจนที่ไม่สมบูรณ์ภายในร่างกาย ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ช่วยยืดอายุของเม็ดเลือดแดง ทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม ช่วยบำรุงสายตา
- แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน รักษาระดับการเต้นของหัวใจ ช่วยระบบประสาทให้ปกติ
- เหล็ก (Iron) เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง พรุนแห้ง 1 ขีด มีธาตุเหล็ก ๒.๗๘ มิลลิกรัม จึงเป็นแหล่งของธาตุเหล็กได้เป็นอย่างดี

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของน้ำตา

โดยทั่วไปเรามักถือว่าน้ำตาเป็นเครื่องหมายของความอ่อนแอ ความพ่ายแพ้ผิดหวัง เป็นความทุกข์ความเศร้าที่ไม่อยากพบ อยากได้ จึงไม่มีใครอยากจะคิดถึงรวมทั้งหาคำตอบใดๆ เกี่ยวกับน้ำตา หรือการร้องไห้เลย แม้ว่าอาจเคยมีความสงสัยอยู่บ้าง ทำไมผู้หญิงจึงร้องไห้ง่ายกว่าผู้ชายหรือสงสัยว่า น้ำตานอกจากจะใช้ในการร้องไห้แล้วจะใช้ประโยชน์อย่างอื่น ได้อีกหรือไม่

ที่จริงธรรมชาติสร้างน้ำตามาให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์หลายประการ ตั้งแต่มีน้ำตาไว้ทำความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ช่วยป้องกันการอักเสบ ติดเชื้อของดวงตา ใช้ล้างสิ่งระคายเคืองออกจากตา ใช้เรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ ความสงสารจากผู้พบเห็น ใช้เป็นเครื่องมือในการระบายเอาความทุกข์โศกออกไปจากจิตใจ นอกจากนี้น้ำตายังทำให้กวี และนักประพันธ์เพลงหลายยุคหลายสมัย ได้ใช้ประโยชน์ในการสร้างสรรค์วรรณกรรมชิ้นเอก ที่ประทับใจผู้คนไว้มากมาย

นักชีวเคมีแห่งศูนย์วิจัยน้ำตา ชื่อ วิลเลี่ยม เฟรย์ ได้ให้ความสนใจและทำการศึกษาวิจัยเรื่องของน้ำตา มาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี ได้เขียนผลการวิจัยไว้น่าสนใจคือ
การหลั่งน้ำตาของคนเรานั้นถูกควบคุมโดยต่อมน้ำตา ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดความเข้มของน้ำตา และควบคุมปริมาณ การขับถ่ายธาตุแมงกานีส รวมทั้งแร่ธาตุอื่นๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นขณะที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงออกไปจากร่างกาย และพบว่า ปริมาณของแร่ธาตุต่างๆ ที่มีในน้ำตานั้น มากกว่าที่มีในกระแสเลือดถึง 30 เท่า และได้อธิบายว่า การที่ผู้ร้องไห้จะสบายขึ้น เป็นเพราะว่าร่างกายได้ขจัดเอาสารเคมีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่มีความทุกข์ออกไปจากร่างกายพร้อมน้ำตานั่นเอง ในการศึกษาของเฟรย์พบว่าผู้ชาย 73% และผู้หญิง 75% ที่กล่าวว่ารู้สึกสบายขึ้นหลังการร้องไห้

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ ในเรื่องส่วนประกอบทางเคมีของน้ำตาที่หลั่ง เนื่องจากสาเหตุที่แตกต่างกันพบว่า ประกอบด้วยสารเคมีบางอย่าง ที่เหมือนกันและบางอย่างที่แตกต่างกัน ซึ่งได้มีการทดลอง โดยใช้ชายหญิงจำนวนร้อยคนหลั่งน้ำตาด้วยสาเหตุที่แตกต่างกัน 2 วิธีคือ วิธีแรกโดยการหั่นหัวหอมสดทำให้เกิดการระคายเคืองตา น้ำตาก็จะไหลออกมา กับอีกวิธีหนึ่งก็คือกระตุ้นให้เกิดความรู้สึก สะเทือนอารมณ์โดยให้ดูภาพยนต์ 3 เรื่อง ที่ดูแล้วจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แล้วนำน้ำตาที่หลั่งเนื่องจากสาเหตุทั้งสอง มาวิเคราะห์หาส่วนประกอบดูความเหมือนและความแตกต่าง

พบว่าส่วนประกอบที่แตกต่างกันก็คือ ปริมาณของโปรตีนในน้ำตา น้ำตาที่หลั่งเนื่องจากความรู้สึกสะเทือนอารมณ์จะมีโปรตีนสูงกว่า น้ำตาที่หลั่งเนื่องจากการระคายเคืองตาถึง 24% และเราสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ ผู้ที่ร้องไห้มากสาเหตุจากสะเทือนอารมณ์มักจะมีสุขภาพทรุดโทรมลง อย่างรวดเร็ว ซึ่งน่าจะเป็นเพราะร่างกายต้องสูญเสียโปรตีนสูง ประกอบกับในภาวะดังกล่าวมักจะมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วยนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าน้ำตานั้นมิได้เป็นสิ่งที่ไร้ค่าไร้ประโยชน์เอาเสียเลยทีเดียว และการร้องไห้ก็ไม่น่าจะถือเป็นเรื่องเสียหายอะไร จนจำเป็นต้องใช้ความพยายามในการสะกดกั้นหลีกเลี่ยง ในยามที่มีความทุกข์เราก็ควรจะร้องไห้เพื่อระบายความทุกข์นั้น ออกไปเสียบ้างแต่ที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะถนอมรักษาสุขภาพไว้บ้าง เพื่อเก็บแรงเก็บกำลังไว้คิดหาหนทางต่อสู้แก้ไขปัญหาที่มีอยู่ ให้ลุล่วงไปโดยเร็วน่าจะถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่า

ส่วนประกอบของน้ำตา
น้ำตานั้นประกอบด้วยสารเคมี 3 ชนิดที่ทราบกันดีว่า เป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นใน ขณะที่ร่างกายอยู่ในภาวะตึงเครียดได้แก่ สารเอนโดฟิน ซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวรู้สึกผ่อนคลายความรู้สึกเจ็บปวด ชนิดที่ 2 คือ เอซีพีเอช (ACPH) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ถือได้ว่า เป็นตัวบ่งชี้ได้มากที่สุดว่าร่างกายกำลังอยู่ในภาวะถูกกดดัน และสารเคมีตัวที่ 3 ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่นำมาใช้อธิบาย ความแตกต่างระหว่างเพศในเรื่องการร้องได้คือ โพรแลกติน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่โดยตรงในการผลิตน้ำนม ในสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม โพรแลกตินนี้ จะเป็นตัวส่งเสริมการผลิตน้ำตาด้วย

จากข้อค้นพบนี้ได้ถูกนำมาอธิบายความแตกต่าง ระหว่างเพศชายและหญิงในเรื่องการร้องไห้ว่า เพราะผู้หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่มีระดับฮอร์โมนโพรแลกติน ในกระแสเลือดสูงกว่าในวัยเดียวกันถึงเกือบ 60% จึงทำให้ผู้หญิงร้องไห้ง่ายกว่าผู้ชาย สำหรับในวัยเด็กจนถึงวัยแรกรุ่น เด็กชายและเด็กหญิงจะมีระดับทางฮอร์โมนโพรแลกติน ใกล้เคียงกันจึงพบว่าเด็กชายและเด็กหญิงร้องไห้บ่อยพอๆ กัน

สำหรับผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมีระดับของฮอร์โมนโพรแลกตินลดลงอย่างรุนแรงนั้นมักจะพบว่า มีอาการตาแห้ง ซึ่งเนื่องมาจากต่อมน้ำตา หลั่งน้ำตามาหล่อลื่นได้ไม่เพียงพอ ผู้ที่มีอาการเช่นนี้ความสามารถในการหลั่งน้ำตาเสียไปบ้าง จึงทำให้หลั่งน้ำตาได้ช้า แม้จะเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ และด้วยเหตุผลนี้คนไข้บางรายจึงรักษาอาการตาแห้ง โดยวิธีคิดถึงเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ จนน้ำตาไหลออกมา และนี่ก็คงนับได้ว่าเป็นประโยชน์อีกประการหนึ่งของน้ำตาคือ ใช้รักษาโรคทางกายบางโรคได้

บทความที่เกี่ยวข้อง ...ประโยชน์ของการร้องไห้...
ที่มา : http://www.elib-online.com/

ประโยชน์ของการร้องไห้

คนเรา . . . อย่าพยายามกักเก็บน้ำตา ถ้ารู้ว่ามันเกินจะกั้นไว้ได้ ไม่มีใครเกิดมาแล้วไม่เคยร้องไห้ แม้กระทั้ง วันแรกที่ลืมตาดูโลก ก็ต่างร้องไห้ด้วยกันทั้งนั้น . . . เมื่อมี . . . น้ำตา นั่นไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ แต่บางทีอะไรที่มันมากเกินไป เกินกว่าที่จะรับไว้ ก็จำเป็นที่ต้องระบายออกมาบ้าง ดีใจมาก...เสียใจมาก...ตื้นตันมาก ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เราเสียน้ำตาได้ทั้งนั้น เพียงแต่อย่าฝืนตัวเอง ต้องยอมรับความรู้สึกของตัวเอง อย่าปิดกั้นความอ่อนแอ . . . ของตัวเอง ถ้าอยากร้องไห้ ก็ร้องซะให้หายอึดอัด เพียงแต่อย่าฝืนตัวเอง ต้องยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย เรากล้าที่จะร้องไห้ คือ คนที่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น . . . เพราะคนที่เสียใจแล้วไม่ร้องไห้ ไม่ระบายออกมา นานๆ ไปอาจจะทำให้มีความเศร้าอยู่ลึกๆ แล้วเลือกที่จะระบายออกมาเลยไม่ดีกว่าหรือ อย่าพยายาม อดกลั้น ที่จะร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตามันไหลออก จนกว่าจะสบายใจ และ . . . เมื่อน้ำตาเหือดแห้งไป เราจะได้ความเข้มแข็งกลับมาให้ตัวเรา . . .

คณะจิตแพทย์มหาวิทยาลัยฮัลล์ ประเทศอังกฤษ รายงานว่า โดยปกติคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าหลั่งน้ำตาต่อหน้าคนอื่น ๆ และก็ไม่ค่อยชอบร้องไห้เสียด้วย

จากแบบสอบถามพบว่า ใน 8 คน มีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ยอมรับว่า เป็นคนขี้แย แต่จิตแพทย์ระบุว่า การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะน้ำตาจะช่วยชำระล้างสารเคมี อันเกิดขึ้นจากความเครียดที่สะสมอยู่ให้ออกไป ทำให้อารมณ์ดีหลังจากน้ำตาแห้ง ส่วนคนที่ร้องไห้มากจนหนังตาบวม ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นบิดให้แห้งประคบสักพัก นอกจากจะช่วยลดอาการบวมแล้ว ยังทำให้คลายความเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวอีกด้วย และควรดื่มน้ำมาก ๆ หลังจากเสียน้ำตาไปแล้ว เพราะร่างกายจะรู้สึกกระหายน้ำ

เห็นไหมครับว่า การร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป เมื่อไรที่เราเครียด ทุกข์ใจ ผิดหวัง มีความสุข สมหวัง ก็สามารถแสดงออกได้ด้วยการร้องไห้ มันจะช่วยให้เราได้แสดงออกอีกทางหนึ่งเพราะการร้องไห้ก็ให้ประโยชน์เรากับเช่นกัน อย่ากลัวที่จะร้องไห้ แต่ก็ไม่ใช่ว่า เกิดเหตุการณ์อะไร ก็ใช้แต่น้ำตา แต่เราต้องใช้สติเป็นหลักครับ

มีกลอนมาฝากเกี่ยวกับการร้องไห้เพื่อความรักที่ไม่สมหวัง ลองอ่านดูนะครับว่า จะเข้ากับตัวท่านหรือเปล่า

ข้อดีของ..........การร้องไห้
คือได้ระบาย.....สิ่งสกปรก
คนที่ทำให้เธอ....น้ำตาตก
คือสิ่งสกปรก.....ของหัวใจ

ร้องไห้เถอะ.......คนดีของฉัน
ถึงเขาคนนั้น......ไม่เห็นคุณค่า
เขาทำให้...........เธอมีน้ำตา
เธอจงหันมา.......ฉันจะปลอบเอง

ติดตามอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง "ประโยชน์ของน้ำตา"

ขอขอบคุณที่มา:
http://women.sanook.com
http://poem.meemodel.com